SmartCost มีการใช้งานคุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อ่านรายละเอียดการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
มาดูกันว่าอะไรเหมาะกับคุณมากที่สุด !!
เมื่อคุณต้องรับมือกับการขันการถอดน็อต การที่คุณมี บล็อกกระแทก (Impact wrench) สักตัวถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณออกแรงน้อยลงและประหยัดเวลาในการทำงานได้มาก แต่ถ้าหากคุณค้นหารุ่นต่างๆของ บล็อกกระแทก ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด คุณจะพบว่ามีรุ่นต่างๆให้เลือกมากมาย บางครั้งอาจจะทำให้คุณสับสนก็เป็นได้
ในบทความนี้ เราจะช่วยตัดสินใจว่า คุณควรซื้อบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลม คุณจะได้เรียนรู้ว่าการเลือกนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและความถี่ของการใช้งานนั่นเอง สำหรับงานหนัก บล็อกลมจะดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าหากคุณจะใช้งานเป็นครั้งคราวสำหรับงานเล็กๆบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกไฟฟ้าน่าจะดีกว่าารทำงานได้มาก แต่ถ้าหากคุณค้นหารุ่นต่างๆของ บล็อกกระแทก ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด คุณจะพบว่ามีรุ่นต่างๆให้เลือกมากมาย บางครั้งอาจจะทำให้คุณสับสนก็เป็นได้
บล็อกกระแทก หรือ Impact Wrench เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ซึ่งทำงานคล้ายกับประแจมือ แต่บล็อกกระแทกช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยมาก โดยอาศัยพลังงานที่แตกต่างกัน อีกทั้งบล็อกกระแทกยังให้แรงบิด (Torque) ที่ยอดเยี่ยม โดยที่ผู้ใช้งานแทบจะไม่ต้องออกแรงในการทำงาน
บล็อกกระแทกเหมาะกับงานหนัก ใช้ในการขันน็อตและคลายน็อต เหมาะกับการใช้งาน ศูนย์บริการ งานประกอบ รวมไปถึงงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร
อย่างที่เราทราบดีว่าบล็อกกระแทกเหมาะอย่างมากกับน็อตที่ถอดออกยาก บล็อกกระแทกมีระบบค้อนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะช่วยให้น็อตถอดออกมาโดยง่าย สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือกลไกนี้จะทำงานขณะใช้งานเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับแรงสั่นสะเทือนที่ไร้ประโยชน์
หลังจากแนะนำเครื่องมือแล้ว มาดูสิ่งที่ทำให้บล็อกแบตเตอรี่ vs. บล็อกลมแตกต่างกัน
นั่นคือข้อแตกต่างที่สำคัญ บล็อกลมขับเคลื่อนด้วยอากาศ ในขณะที่บล็อกรุ่นมีสายและไร้สายนั้นใช้พลังงานไฟฟ้า
บล็อกลม ทรงพลังกว่าบล็อกไฟฟ้าแน่นอน แต่สิ่งนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียบางประการ
1. คุณต้องมีปั๊มลม (air compressor) ต้องมีลมมากพอกับบล็อกลมแต่ละรุ่นที่ใช้งานเพื่อให้บล็อกลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องใช้ลมมากแค่ไหน? สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับบล็อกลมแต่ละรุ่นที่คุณเลือกใช้ โดยเฉลี่ยแล้วบล็อกลมจะใช้ 90 ถึง 120 PSI ยิ่งสายลมยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้แรงดันเพื่อชดเชยความสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น
2. ปั๊มลมต้องมีแรงดันให้เพียงพอต่อการใช้งาน หากปั๊มลมมีแรงดันน้อยอาจจะมีปัญหาหากใช้งานได้ ทำให้คุณควบคุมแรงบิดได้น้อย
ในทางกลับกัน บล็อกไฟฟ้าและบล็อกแบตเตอรี่ สามารถควบคุมแรงบิดได้ดีกว่า แต่ทรงพลังน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น บล็อกแบตเตอรี่ Ingersoll Rand 1/2 นิ้ว รุ่น W5153-K22-JP ให้แรงบิดสูงสุด 495 Nm. แต่บล็อกลม Ingersoll Rand 1/2 นิ้ว รุ่น 231C-AP ให้แรงบิดสูงสุด 610 Nm. ข้อเสียของพลังน้อยกว่าก็อาจจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความเมื่อยล้าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บล็อกไฟฟ้าทั้งแบบไร้สายหรือมีสาย เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ต้องใช้เป็นเวลานานมากกว่าครับ
ถ้าคุณใช้บล็อกกระแทกเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดความไม่สะดวกสบายขึ้นได้ เพราะบล็อกกระแทกค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักเพื่อที่จะรองรับกำลังทั้งหมดที่ส่งออกมา โดยเฉลี่ยแล้วตัวเครื่องมีน้ำหนัก 2.5-4 kg. ยิ่งไปกว่านั้นขณะใช้งานเครื่องมีการสั่น เมื่อน้ำหนักและการสั่นของเครื่องรวมกันแล้ว อาจส่งผลให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยขณะใช้งานได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งบล็อกลมและบล็อกแบตเตอรี่ โดยทั่วไปแล้วบล็อกแบตเตอรี่จะมีน้ำหนักเบากว่า แตกต่างกันประมาณ 0.9-1.3 kg
เราลองมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ครับ ถ้าคุณใช้บล็อกแบตเตอรี่ คุณไม่ต้องเคลื่อนย้ายปั๊มลมไปมาขณะที่กำลังทำงานหรือไม่ต้องดึงสายไฟออกมา ยิ่งไปกว่านั้นการไม่มีสายไฟหรือสายลมหรืออะไรก็ตาม จะทำให้งานของคุณสะดวกมาก
ยิ่งอยู่ในพื้นที่แคบยิ่งสะดวก คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าสายไฟจะงอ หรือจะต้องดึงสายลมเพื่อไปในจุดที่ต้องทำงาน
หากคุณต้องการความคล่องตัว ต้องเคลื่อนย้ายที่ทำงานบ่อยๆ รุ่นแบตเตอรี่ ก็จะเหมาะกับคุณมากกว่าครับ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่ามีแบตเพียงพอสำหรับงานที่ต้องทำหรือไม่
มาพูดถึงเรื่องราคากันครับ โดยทั่วไปบล็อกแบตเตอรี่ตามท้องตลาดมีราคาสูงกว่าบล็อกลม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเลือกใช้บล็อกลมถึงแม้ว่าราคาเครื่องจะถูกกว่า แต่คุณจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่ม เพราะบล็อกลมพลังงานที่ใช้คือลม ดังนั้นคุณต้องซื้อปั๊มลมและสายลมเพื่อต่อไปยังจุดที่คุณต้องการทำงานครับ
ในทางกลับกัน บล็อกแบตเตอรี่อาจจะมีราคาเครื่องสูงกว่า แม้ว่าจะมีแรงบิดต่ำกว่าก็ตาม ซึ่งก็เป็นลักษณะทั่วไปของเครื่องแบตเตอรี่ครับ เพราะการพกพาสะดวกทำให้ราคาค่อนข้างสูงกว่า แต่เมื่อนำออกมาใช้งานบล็อกแบตเตอรี่ใช้งานสะดวกกว่าเห็นๆเลยครับ
นี่เป็นเพียงการพิจารณาเลือกทั่วไปครับ ถ้าหากคุณดูดีๆอาจจะพบว่าไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลมไม่ได้มีราคาแพงเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของคุณครับ เลือกใช้ให้ถูกจะได้ไม่ต้องเสียดายเงินที่ต้องจ่ายไปครับ
รุ่นต่างๆดึงดูดผู้ซื้อที่แตกต่างกัน บล็อกลมเหมาะสำหรับช่างมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถถอดน็อตที่ติดแน่นหรือขึ้นสนิมได้อย่างง่ายดาย และทำให้คุณทำงานเสร็จอย่างเร็วที่สุด อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานได้เป็นเวลานานและไม่ต้องกังวลว่าบล็อกลมจะเกิดความร้อนขณะใช้งาน
ส่วนบล็อกไฟฟ้า (แบบไร้สายหรือมีสาย) อาจเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉลี่ยบล็อกไฟฟ้าจะใช้งานง่ายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มลม หากคุณต้องการใช้กับงานทั่วไป และไม่ได้ใช้งานทั้งวัน เพราะถ้าใช้งานต่อเนื่องแบตเตอรี่อาจจะหมดเร็ว อาจทำให้การทำงานหยุดชะงักเพื่อเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่ ดังนั้นถ้าเน้นใช้งานสะดวก ใช้ได้ทุกที่ สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่จำกัด บล็อกไฟฟ้าก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีของคุณครับ
ความแตกต่าง |
บล็อกแบตเตอรี่ |
บล็อกลม |
แหล่งพลังงาน |
แบตเตอรี่ |
ปั๊มลม |
ข้อดี |
พกพาสะดวกมาก ไม่ต้องใช้สายไฟหรือสายลม การควบคุมที่ดีขึ้น |
เล็กกว่าและเบากว่า มีพลังมากกว่า ราคาไม่แพง ไม่มีความร้อนสูงเกินไปขณะใช้งานเป็นเวลานาน |
ข้อดี |
พกพาสะดวกมาก ไม่ต้องใช้สายไฟหรือสายลม การควบคุมที่ดีขึ้น |
เล็กกว่าและเบากว่า มีพลังมากกว่า ราคาไม่แพง ไม่มีความร้อนสูงเกินไปขณะใช้งาน |
ข้อเสีย |
ราคาสูง ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง เนื่องจากความร้อนที่เกิดจากชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว |
ต้องใช้ปั๊มลม ความคล่องตัวน้อยลง |
หลักการทำงาน |
แรงกระแทกในแรงหมุนและแรงสปริงในแนวแกน |
ค้อนกระแทกในทิศทางการหมุนเท่านั้น |
การควบคุม |
การควบคุมความเร็วที่แม่นยำ |
การควบคุมความเร็วน้อยกว่าโดยการปรับการไหลของอากาศ |
การใช้งาน |
DIY, การเปลี่ยนยางรถยนต์, ปรับปรุงบ้าน, ก่อสร้าง, งานซ่อมบำรุง |
ซ่อมรถยนต์, งานประกอบ, บำรุงรักษาเครื่องจักรหนัก |
การใช้บล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลมนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจริงๆ
หากคุณเป็นมืออาชีพ เจ้าของอู่ซ่อมรถ ช่างยนต์ หรือคนที่จะใช้เครื่องมือนี้เป็นประจำทุกวัน บล็อกลมน่าจะดีกว่าสำหรับคุณ คุณอาจจะใช้ประโยชน์จากพลังงานลมและความปลอดภัยของเครื่องมือลมได้อย่างเป็นประโยชน์ (เพราะไม่มีความเสี่ยงจากอันตรายจากไฟไหม้หรือไฟฟ้าช็อตในบล็อกลม)
หากคุณไม่มีเครื่องปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ และคุณกำลังวางแผนที่จะใช้งานเป็นครั้งแรก หรือต้องการพกพาไปทุกๆที่ บล็อกแบตเตอรี่อาจเหมาะกับความต้องการของคุณครับ เลือกให้เหมาะกับงานของคุณ จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ พบกันใหม่ในบทความหน้าครับผม