บล็อกแบตเตอรี่ VS บล็อกลม

มาดูกันว่าอะไรเหมาะกับคุณมากที่สุด !!

เมื่อคุณต้องรับมือกับการขันการถอดน็อต การที่คุณมี บล็อกกระแทก (Impact wrench) สักตัวถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณออกแรงน้อยลงและประหยัดเวลาในการทำงานได้มาก แต่ถ้าหากคุณค้นหารุ่นต่างๆของ บล็อกกระแทก ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด คุณจะพบว่ามีรุ่นต่างๆให้เลือกมากมาย บางครั้งอาจจะทำให้คุณสับสนก็เป็นได้

ในบทความนี้ เราจะช่วยตัดสินใจว่า คุณควรซื้อบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลม คุณจะได้เรียนรู้ว่าการเลือกนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและความถี่ของการใช้งานนั่นเอง สำหรับงานหนัก บล็อกลมจะดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าหากคุณจะใช้งานเป็นครั้งคราวสำหรับงานเล็กๆบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกไฟฟ้าน่าจะดีกว่าารทำงานได้มาก แต่ถ้าหากคุณค้นหารุ่นต่างๆของ บล็อกกระแทก ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด คุณจะพบว่ามีรุ่นต่างๆให้เลือกมากมาย บางครั้งอาจจะทำให้คุณสับสนก็เป็นได้



ตอนนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับ Tools กันก่อนว่า
รุ่นระบบลม กับไฟฟ้า แตกต่างกันยังไง?

- ลักษณะและการใช้งานของบล็อกกระแทก

บล็อกกระแทก หรือ Impact Wrench เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ซึ่งทำงานคล้ายกับประแจมือ แต่บล็อกกระแทกช่วยให้คุณไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยมาก โดยอาศัยพลังงานที่แตกต่างกัน อีกทั้งบล็อกกระแทกยังให้แรงบิด (Torque) ที่ยอดเยี่ยม โดยที่ผู้ใช้งานแทบจะไม่ต้องออกแรงในการทำงาน

บล็อกกระแทกเหมาะกับงานหนัก ใช้ในการขันน็อตและคลายน็อต เหมาะกับการใช้งาน ศูนย์บริการ งานประกอบ รวมไปถึงงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร

อย่างที่เราทราบดีว่าบล็อกกระแทกเหมาะอย่างมากกับน็อตที่ถอดออกยาก บล็อกกระแทกมีระบบค้อนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะช่วยให้น็อตถอดออกมาโดยง่าย สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือกลไกนี้จะทำงานขณะใช้งานเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับแรงสั่นสะเทือนที่ไร้ประโยชน์

 


อะไรคือความแตกต่างระหว่างบล็อกแบตเตอรี่ vs. บล็อกลม?

หลังจากแนะนำเครื่องมือแล้ว มาดูสิ่งที่ทำให้บล็อกแบตเตอรี่ vs. บล็อกลมแตกต่างกัน

- แหล่งพลังงาน

นั่นคือข้อแตกต่างที่สำคัญ บล็อกลมขับเคลื่อนด้วยอากาศ ในขณะที่บล็อกรุ่นมีสายและไร้สายนั้นใช้พลังงานไฟฟ้า

บล็อกลม ทรงพลังกว่าบล็อกไฟฟ้าแน่นอน แต่สิ่งนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียบางประการ

1. คุณต้องมีปั๊มลม (air compressor) ต้องมีลมมากพอกับบล็อกลมแต่ละรุ่นที่ใช้งานเพื่อให้บล็อกลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องใช้ลมมากแค่ไหน? สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับบล็อกลมแต่ละรุ่นที่คุณเลือกใช้ โดยเฉลี่ยแล้วบล็อกลมจะใช้ 90 ถึง 120 PSI ยิ่งสายลมยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้แรงดันเพื่อชดเชยความสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น

2. ปั๊มลมต้องมีแรงดันให้เพียงพอต่อการใช้งาน หากปั๊มลมมีแรงดันน้อยอาจจะมีปัญหาหากใช้งานได้ ทำให้คุณควบคุมแรงบิดได้น้อย

ในทางกลับกัน บล็อกไฟฟ้าและบล็อกแบตเตอรี่ สามารถควบคุมแรงบิดได้ดีกว่า แต่ทรงพลังน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น บล็อกแบตเตอรี่ Ingersoll Rand 1/2 นิ้ว รุ่น W5153-K22-JP ให้แรงบิดสูงสุด 495 Nm. แต่บล็อกลม Ingersoll Rand 1/2 นิ้ว รุ่น 231C-AP ให้แรงบิดสูงสุด 610 Nm. ข้อเสียของพลังน้อยกว่าก็อาจจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความเมื่อยล้าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บล็อกไฟฟ้าทั้งแบบไร้สายหรือมีสาย เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ต้องใช้เป็นเวลานานมากกว่าครับ

 

- ความสะดวกสบายในการใช้งาน

ถ้าคุณใช้บล็อกกระแทกเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดความไม่สะดวกสบายขึ้นได้ เพราะบล็อกกระแทกค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักเพื่อที่จะรองรับกำลังทั้งหมดที่ส่งออกมา โดยเฉลี่ยแล้วตัวเครื่องมีน้ำหนัก 2.5-4 kg. ยิ่งไปกว่านั้นขณะใช้งานเครื่องมีการสั่น เมื่อน้ำหนักและการสั่นของเครื่องรวมกันแล้ว อาจส่งผลให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยขณะใช้งานได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งบล็อกลมและบล็อกแบตเตอรี่ โดยทั่วไปแล้วบล็อกแบตเตอรี่จะมีน้ำหนักเบากว่า แตกต่างกันประมาณ 0.9-1.3 kg

เราลองมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ครับ ถ้าคุณใช้บล็อกแบตเตอรี่ คุณไม่ต้องเคลื่อนย้ายปั๊มลมไปมาขณะที่กำลังทำงานหรือไม่ต้องดึงสายไฟออกมา ยิ่งไปกว่านั้นการไม่มีสายไฟหรือสายลมหรืออะไรก็ตาม จะทำให้งานของคุณสะดวกมาก

ยิ่งอยู่ในพื้นที่แคบยิ่งสะดวก คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าสายไฟจะงอ หรือจะต้องดึงสายลมเพื่อไปในจุดที่ต้องทำงาน

หากคุณต้องการความคล่องตัว ต้องเคลื่อนย้ายที่ทำงานบ่อยๆ รุ่นแบตเตอรี่ ก็จะเหมาะกับคุณมากกว่าครับ แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่ามีแบตเพียงพอสำหรับงานที่ต้องทำหรือไม่

 

- ราคา

มาพูดถึงเรื่องราคากันครับ โดยทั่วไปบล็อกแบตเตอรี่ตามท้องตลาดมีราคาสูงกว่าบล็อกลม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเลือกใช้บล็อกลมถึงแม้ว่าราคาเครื่องจะถูกกว่า แต่คุณจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่ม เพราะบล็อกลมพลังงานที่ใช้คือลม ดังนั้นคุณต้องซื้อปั๊มลมและสายลมเพื่อต่อไปยังจุดที่คุณต้องการทำงานครับ

ในทางกลับกัน บล็อกแบตเตอรี่อาจจะมีราคาเครื่องสูงกว่า แม้ว่าจะมีแรงบิดต่ำกว่าก็ตาม ซึ่งก็เป็นลักษณะทั่วไปของเครื่องแบตเตอรี่ครับ เพราะการพกพาสะดวกทำให้ราคาค่อนข้างสูงกว่า แต่เมื่อนำออกมาใช้งานบล็อกแบตเตอรี่ใช้งานสะดวกกว่าเห็นๆเลยครับ

นี่เป็นเพียงการพิจารณาเลือกทั่วไปครับ ถ้าหากคุณดูดีๆอาจจะพบว่าไม่ว่าจะเป็นบล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลมไม่ได้มีราคาแพงเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของคุณครับ เลือกใช้ให้ถูกจะได้ไม่ต้องเสียดายเงินที่ต้องจ่ายไปครับ

 

- ผู้ใช้งาน

รุ่นต่างๆดึงดูดผู้ซื้อที่แตกต่างกัน บล็อกลมเหมาะสำหรับช่างมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถถอดน็อตที่ติดแน่นหรือขึ้นสนิมได้อย่างง่ายดาย และทำให้คุณทำงานเสร็จอย่างเร็วที่สุด อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานได้เป็นเวลานานและไม่ต้องกังวลว่าบล็อกลมจะเกิดความร้อนขณะใช้งาน

ส่วนบล็อกไฟฟ้า (แบบไร้สายหรือมีสาย) อาจเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเฉลี่ยบล็อกไฟฟ้าจะใช้งานง่ายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มลม หากคุณต้องการใช้กับงานทั่วไป และไม่ได้ใช้งานทั้งวัน เพราะถ้าใช้งานต่อเนื่องแบตเตอรี่อาจจะหมดเร็ว อาจทำให้การทำงานหยุดชะงักเพื่อเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่ ดังนั้นถ้าเน้นใช้งานสะดวก ใช้ได้ทุกที่ สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่จำกัด บล็อกไฟฟ้าก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีของคุณครับ

 


ผมขอเปรียบเทียบบล็อกแบตเตอรี่ vs. บล็อกลม
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น ตามตารางนี้เลยครับ

ความแตกต่าง

บล็อกแบตเตอรี่

บล็อกลม

แหล่งพลังงาน

แบตเตอรี่

ปั๊มลม

ข้อดี

พกพาสะดวกมาก ไม่ต้องใช้สายไฟหรือสายลม การควบคุมที่ดีขึ้น

เล็กกว่าและเบากว่า มีพลังมากกว่า ราคาไม่แพง ไม่มีความร้อนสูงเกินไปขณะใช้งานเป็นเวลานาน

ข้อดี

พกพาสะดวกมาก ไม่ต้องใช้สายไฟหรือสายลม การควบคุมที่ดีขึ้น

เล็กกว่าและเบากว่า มีพลังมากกว่า ราคาไม่แพง ไม่มีความร้อนสูงเกินไปขณะใช้งาน

ข้อเสีย

ราคาสูง ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง เนื่องจากความร้อนที่เกิดจากชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว

ต้องใช้ปั๊มลม ความคล่องตัวน้อยลง

หลักการทำงาน

แรงกระแทกในแรงหมุนและแรงสปริงในแนวแกน

ค้อนกระแทกในทิศทางการหมุนเท่านั้น

การควบคุม

การควบคุมความเร็วที่แม่นยำ

การควบคุมความเร็วน้อยกว่าโดยการปรับการไหลของอากาศ

การใช้งาน

DIY, การเปลี่ยนยางรถยนต์, ปรับปรุงบ้าน, ก่อสร้าง, งานซ่อมบำรุง

ซ่อมรถยนต์, งานประกอบ, บำรุงรักษาเครื่องจักรหนัก

 


สุดท้ายจะเห็นว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่า

การใช้บล็อกแบตเตอรี่หรือบล็อกลมนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจริงๆ

หากคุณเป็นมืออาชีพ เจ้าของอู่ซ่อมรถ ช่างยนต์ หรือคนที่จะใช้เครื่องมือนี้เป็นประจำทุกวัน บล็อกลมน่าจะดีกว่าสำหรับคุณ คุณอาจจะใช้ประโยชน์จากพลังงานลมและความปลอดภัยของเครื่องมือลมได้อย่างเป็นประโยชน์ (เพราะไม่มีความเสี่ยงจากอันตรายจากไฟไหม้หรือไฟฟ้าช็อตในบล็อกลม)

หากคุณไม่มีเครื่องปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ และคุณกำลังวางแผนที่จะใช้งานเป็นครั้งแรก หรือต้องการพกพาไปทุกๆที่ บล็อกแบตเตอรี่อาจเหมาะกับความต้องการของคุณครับ เลือกให้เหมาะกับงานของคุณ จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ พบกันใหม่ในบทความหน้าครับผม

 


ติดตามเทคนิคดีๆ ได้ที่

Line

LineID: @SmartCost

Facebook

Fanpage: SmartCost

Youtube

Chanal: SmartCost