SmartCost มีการใช้งานคุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อ่านรายละเอียดการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เชื่อว่า "รอยขนแมวบนรถยนต์" ทำให้คนรักรถหัวเสียได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะรถยนต์สีเข้ม เจ้ารอยขนแมวที่มักเกิดขึ้นบนผิวรถยนต์ จะทำให้รถยนต์ของเราดูเก่า และขาดการดูแล ทั้งๆเราก็ดูแลเป็นอย่างดี ทำไม!! ทำไม!! รอยขนแมวนี่ยังเกิดขึ้นอีก วันนี้จะแนะนำถึงสาเหตุที่เกิดรอยขนแมว และวิธีป้องกันรอยขนแมวนี่เอง
รอยขนแมวเจ้าปัญหาที่ต่อให้ระวังแค่ไหนก็มีอยู่ดี เพราะอะไร!! ก็เพราะผิวรถยนต์ที่ไม่ได้ผ่าน การเคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิค มีสิ่งที่แข็งกว่ามาสัมผัสนั้นเอง
อ้าว !! แล้วถ้าไม่อยากมีขนแมวนี่ ก็ต้องเอารถยนต์ไปการเคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิคใช่ไหม? การเคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิค จะช่วยเพิ่มความแข็งของผิวรถยนต์ แต่นั่นก็ไม่ถึงกับ 100%
หากไม่มีเวลา หลังจากตากฝนมาสดๆร้อนๆ ให้ใช้น้ำสะอาดล้าง ฉีดน้ำแรงๆเพื่อล้างคราบสกปรก ดินโคลนและฝุ่นออกไป และใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
ขับรถตากฝนมา มีทั้งคราบสกปรก ดินโคลน และฝุ่น หากใช้ผ้าเช็ดสีรถมีแต่จะทำให้เกิดรอยขนแมวตามมาอีกเพียบ ทางที่ดีฉีดน้ำล้างก่อนดีที่สุดค่ะ
รถเปียกน้ำฝน ก็เลอะเปรอะเปื้อนมากพอแล้ว หากไปจอดตากแดด ก็จะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะแสงแดดจะทำให้คราบน้ำฝนเป็นด่างเป็นดวง เกิดเป็นคราบฝังตัวแน่นและทำลายชั้นสีได้ค่ะ
การเคลือบสีรถ ไม่ว่าจะเป็น การแวกซ์ เคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก เห็นว่าจะเป็นวิธีการดูแลสีรถที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้สีรถเงางาม ยังช่วยป้องกันคราบน้ำฝน น้ำไม่เกาะที่ผิวรถ จึงช่วยลดคราบฝังแน่นบนสีรถได้ และทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วยค่ะ
ขึ้นชื่อว่า คราบฝังแน่นบนสีผิวรถ แน่นอนว่าคงไม่มีท่านไหนอยากให้เกิดกับรถของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว บนสภาพแวดล้อมที่เราๆท่านๆต้องใช้รถกันเป็นประจำนั้น เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงค่อนข้างยาก ซึ่งคราบฝังแน่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สีรถหมอง และเก่าก่อนเวลาอันควร เราลองมาดูกันดีกว่าว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคราบฝังแน่นบนผิวสีรถยนต์ ?
ขี้นก เห็นจะเป็นสิ่งที่เราๆต้องพบเจอมากที่สุด และยากจะหลีกเลี่ยงได้ วันไหนไม่เจอก็ถือเป็นโชคดีไป แต่วันไหนโชคร้ายก็เจอแบบนกท้องเสียมาทั้งฝูงก็มีค่ะ หากมีขี้นกบนสีผิวรถควรรีบกำจัดออกจากรถเลยค่ะ มันร้ายแรงกว่าที่เราคิด เพราะ ขี้นก มีฤทธิ์เป็นกรด หากทิ้งไว้เป็นเวลานาน มันจะกัดกร่อนชั้นแลคเกอร์สีรถ และเกิดเป็นคราบจุดด่างๆ ฝังแน่นบนสีรถ ทำให้สีรถไม่เงางาม หมองและเก่าในที่สุดค่ะ
ยางไม้ เป็นสิ่งสกปรกที่ยึดติดกับผิวสีรถแบบเหนียวหนึบ มักเกิดจากการจอดรถใต้ต้นไม้เพราะต้องการหลีกเลี่ยงแสงแดด ข้อดีคือ รถของเราไม่ต้องโดนแดด แต่ก็ต้องแลกกลับมาด้วยคราบยางไม้ ซึ่งหากทิ้งไว้เป็นเวลานานมันก็จะแข็งตัวและล้างออกยาก เกิดเป็นคราบฝังแน่นกัดกินเนื้อสีเลยนะคะ
คราบแมลงส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน พบมากในบริเวณหน้ารถ ซึ่งหากมีคราบแมลงบนผิวสีรถ ก็ถือว่าไม่ควรชะล่าใจเช่นกัน เพราะแมลงเมื่อมาปะทะกับรถที่วิ่งด้วยความเร็ว มันจะติดแน่นกับสีรถและเอาออกยากพอสมควร ที่สำคัญแมลงบางตัวมีฤทธิ์เป็นกรด หากทิ้งไว้นานก็จะเกิดเป็นคราบฝังแน่น กัดกร่อนทำลายสีรถได้เช่นกัน
คราบยางมะตอย มีโอกาสโดนน้อย แต่คราบยางมะตอยเมื่อติดแล้วยากที่จะเอาออกเป็นอันดับต้นๆ หากปล่อยทิ้งไว้นานถึงจะเอาออกได้ แต่สีรถของเราอาจไม่เหมือนเดิมแน่นอน สีรถก็อาจจะไม่เงางาม สดใสอีกต่อไป
สุดท้าย คราบน้ำมัน เป็นอีกคราบที่เกิดกับรถของเราได้ อาจเกิดจากการเติมน้ำมัน หัวจ่ายน้ำมันชำรุดทำให้น้ำมันหกและกระเด็นโดนรถ หรือสาเหตุอื่นๆ เพราะหากทิ้งคราบน้ำมัันไว้นานๆแล้วละก็ คราบน้ำมันจะฝังแน่นลงบนสีรถแบบถาวรแน่นอน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นสาเหตุที่พบได้จากการใช้รถซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน เชื่อว่า รถใคร ใครก็รัก เราๆท่านๆทราบสาเหตุที่ทำให้รถสีหมองและเก่าเร็วก่อนเวลาอันควรแล้ว ลองดูกันนะคะว่า จะมีวิธีหลีกเลี่ยง หรือปกป้องสีผิวรถยนต์อย่างไรดี ?
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านนะคะ พบกันในบทความหน้า เราจะพาท่านไปดูว่า ดูแลสีรถอย่างไร ? ให้สดใส เงางามเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา
ขอบคุณค่ะ