SmartCost มีการใช้งานคุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อ่านรายละเอียดการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
หลายๆครั้งท่านผู้อ่านก็น่าจะเคยสงสัยเหมือนกับผมว่า? น้ำยาขัดสีรถยนต์ที่มีขายอยู่ หลายประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ?
วันนี้เรามีคำตอบครับ !!
สูตรน้ำมัน เป็นสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันก็กว่า 80% ที่วางขายอยู่นั้นก็เป็นสูตรน้ำมัน เพราะเป็นสูตรที่ผลิตได้ง่าย ไม่ยากนัก และเป็นเทคโนโลยีเก่า ที่เขาใช้ในการผลิต น้ำยาขัดสีรถ ข้อดีของมันก็คือ มีราคาค่อนข้างถูก แต่ข้อเสียของน้ำยาขัดเคลือบสีประเภทนี้ ก็มีค่อนข้างเยอะนะครับ เช่น เวลาที่ขัด แล้วไปโดนชิ้นส่วนที่เป็นยาง ถ้าเราล้างไม่สะอาดก็อาจทำให้ยางมีฝ้าขาวเกิดขึ้นได้ หรือ บางครั้งเวลาขัดเสร็จแล้ว จะทิ้งคราบฝุ่นขาวๆ คล้ายขี้ไครไว้ที่ผิวของรถยนต์ เพราะด้วยความที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เวลาแห้งจะทิ้งคราบคล้ายๆ จาระบี ถ้าเราสูดเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือ เป็นมะเร็งได้
และสุดท้ายน้ำยาขัดสีรถยนต์ ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ถ้าเราสัมผัสกับน้ำยาขัดสีโดยตรง สารก่อมะเร็งที่อยู่ในน้ำยาขัด นั้นจะซึมผ่านทางผิวหนังเข้าไปสู่กระแสเลือดเมื่อสะสมไปสักพัก ก็นอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
สูตรน้ำ เป็นน้ำยา ขัดสีรถยนต์ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก ไม่ได้ผสมน้ำมัน เป็นน้ำยาขัดที่ค่อนข้างมีราคาสูงกว่าประเภทน้ำมัน เนื่องจากผลิตได้ยากกว่า และมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการใช้งานสูงกว่าแบบน้ำมัน และยังไม่มีสารก่อมะเร็งทำให้สามารถสัมผัสได้โดยตรง และไม่ทิ้งคราบขี้จาระบีเหมิอนสูตรน้ำมัน ไม่เกิดรอยกระดาษทราย หรือรอยฝ้าบนชิ้นงานหลังงานขัดเงา และสุดท้าย ถ้าล้างไม่หมดก็ยังจะไม่ทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นยาง ที่น้ำยาขัดติดอยู่เปลี่ยนสี อีกด้วย
การเลือกน้ำยาเพื่อจะขัดสีรถของเรานั้น นอกจากสีรถจะเงางามแล้ว ตัวเรา และ คนรอบข้างเรา จะต้องปลอดภัยด้วย
SmartCost นอกจากจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการใช้งานน้ำยาขัดของท่านแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งตรงกับปรัชญาของ Puris ผู้ผลิตน้ำยาขัดคุณภาพสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผลิต
จึงทำให้ท่านมั่นใจได้ว่านอกจากงานขัดสีของท่านจะมีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว สุขภาพของผู้ใช้ก็จะดีตามไปด้วย
ลอง Click เพื่อสั่ง A1, A14 และ A15 ไปลองใช้ดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าความต่างมีจริง !!