เลือกใช้ Impact Wrench ให้เหมาะสม

บล็อกลม เป็นเครื่องมือที่ใช้งานซ่อมบำรุง งานผลิต หรืองานประกอบ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านซ่อมรถยนต์ หรือศูนย์บริการรถยนต์ หรือตามโรงงานต่างๆ ซึ่ง บล็อกลม มีหลากหลาย แตกต่างกันทั้งขนาด คุณสมบัติ และฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน

สำหรับบทความนี้ น้องสมาร์ทจะแนะนำวิธีการเลือกใช้ บล็อกลม ให้เหมาะกับงาน ก่อนอื่นเราต้องดูลักษณะการใช้งานก่อนนะครับว่าจะนำ บล็อกลม ไปใช้กับงานเบา หรืองานหนัก ใช้ในงานซ่อมบำรุง หรืองานประกอบในโรงงาน เมื่อทราบลักษณะงานแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็มาเลือกกันว่าจะใช้ บล็อกลม ตัวไหนดี !! สิ่งที่สำคัญก็คงหนีไม่พ้นสเปคต่างๆของ บล็อกลม ซึ่งสเปคของ บล็อกลม หลักๆที่เราต้องดูคือ ขนาดของ ลูกบล็อก ที่จะใช้, แรงบิด(Torque), กำลังลมที่ใช้ รวมไปถึงที่สำคัญเลยก็คือคุณภาพของ บล็อกลม ด้วยครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาน้องสมาร์ทจะแนะนำทีละข้อเลยนะครับ

 

1. ขนาดของหัวจับที่ใช้ (Square Drive)

บล็อกลม มีหลายขนาด รวมถึงลูกบล็อกก็มีหลายขนาดเช่นกัน หากผู้ใช้งานต้องการใช้ บล็อกลม กับน็อตหรือโบลต์ที่มีขนาดเล็ก ควรเลือก บล็อกลม ขนาด ¼ นิ้ว(0.25 นิ้ว) ซึ่ง บล็อกลม ขนาดของหัวจับที่ใช้ ¼ นิ้วสามารถใช้งานได้เหมือนไขควงธรรมดาทั่วไป มี output อยู่ที่ปลาย และอีกด้านเป็นที่จับคล้ายปืนพกช่วยให้จับได้ถนัดมือ ต่อมาเป็น บล็อกลม ขนาด ⅜ นิ้ว(0.375 นิ้ว) มีลักษณะคล้ายปืนพก คอสั้น เหมาะกับการใช้งานทั่วไปรวมถึงงานหนักก็สามารถใช้ได้

บล็อกลม ขนาด ½ นิ้ว(0.50 นิ้ว) ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้น ใช้ได้ทั้งงานผลิต งานประกอบ หรืองานซ่อมบำรุง มีความแข็งแรง ทนทานขึ้นกว่า 2 ขนาดข้างต้น และเป็นที่นิยมในตลาด ถัดมาก็เป็น บล็อกลม ขนาด ¾ นิ้ว(0.75 นิ้ว)ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้นตามลำดับ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรืองานหนัก

แต่เมื่อไหร่ที่คุณต้องการใช้ บล็อกลม กับงานหนักมาก เช่น ต้องการใช้ถอดล้อรถบรรทุก น้องสมาร์ทแนะนำบล็อกลมขนาด 1 นิ้ว ซึ่งมีทั้งแบบคอสั้น และคอยาว มีนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น แข็งแรงและทนทานมากขึ้นด้วยครับ เมื่อคุณเลือกขนาด บล็อกลม ได้แล้วก็อย่าลืมดูด้วยว่าขนาดที่เลือก สามารถใช้ได้กับลูกบล็อกของคุณหรือไม่ เพราะฉะนั้นข้อนี้สำคัญต้องเลือกดีๆนะครับ

บล็อกลม
 

2. แรงบิดสูงสุด (Max. Torque)

แรงบิดสูงสุด หรือ เป็นค่าที่บอกว่า บล็อกลม มีแรงหมุนได้สูงสุดเท่าไร มีหน่วยเป็น นิวตันเมตร (N.m) หรือฟุตปอนด์ (ft.lbs) ถ้าการใช้งานทั่วไป เช่น ถอดน็อตหรือโบลต์ ในงานซ่อมรถยนต์ คุณอาจจะใช้ บล็อกลม ที่มีแรงบิดสูงสุดประมาณ 500 นิวตัน/เมตร ซึ่งแรงบิดที่สูงขึ้นก็จะมีความสามารถมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมคำนึงถึงน็อตที่ต้องการถอดว่าเป็นสนิม หรือถอดยากไหมด้วยนะครับ

บล็อกลม
 

3. ขนาดปั๊มลมและปริมาณลมที่ใช้

สิ่งสำคัญอีกข้อที่ต้องคำนึงถึงคือ ขนาดของปั๊มลม เพราะเป็นแหล่งพลังงานเพียงอย่างเดียวสำหรับ บล็อกลม หากคุณซื้อ บล็อกลม ขนาดใหญ่ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ แต่ปั๊มลมเข้ากันไม่ได้กับกำลังลมของ บล็อกลม คุณก็จะไม่ได้รับพลังงานที่เหมาะสมการทำใช้งานของคุณ

แรงดันลม 90 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว(PSI) เป็นแรงดันลมต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับ บล็อกลม เพื่อให้ได้พลังงานอย่างเพียงพอ หากปั๊มลมของคุณมีค่าน้อยกว่านี้ บล็อกลม ก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเมื่อใช้งาน แต่ถ้าหากปั๊มลมทำงานได้ 90 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือสูงกว่า แสดงว่าปั๊มลมของคุณเหมาะสมกับ บล็อกลม แน่นอนครับ

นอกจากนี้ยังต้องดูด้วยว่า บล็อกลม ที่คุณเลือก มีปริมาณลมที่ใช้เป็นอย่างไร ซึ่งปริมาณลมที่ใช้ มีหน่วยวัดเป็น ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที(CFM) หรือ ลิตรต่อนาที (L/Min) ซึ่งมีสูตรคำนวณ ดังนี้

1 CFM = 28.32 L/Min

ยกตัวอย่าง

บล็อกลม รุ่น U-845 มีปริมาณลมที่ใช้ = 15.89 CFM

จะได้ 15.89 x 28.32 = 450 L/Min

ดังนั้น ควรเลือกปั๊มลมที่สามารถทำลมได้ตั้งแต่ 450 L/Min ขึ้นไปครับ

บล็อกลม
 

4. คุณภาพ

คุณภาพ เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม หากจะซื้อ บล็อกลม สักตัวก็ต้องเลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ บล็อกลม ที่ทนทานควรทำจากชิ้นส่วนโลหะเป็นหลัก อาจจะมีพลาสติกหรือยางบ้างบริเวณที่หุ้ม เช่น ด้ามจับของ บล็อกลม แผงหุ้มด้านหน้า และด้านหลัง ยิ่ง บล็อกลม มีความทนทานมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งได้ประโยชน์กับการใช้งานมากขึ้นเท่านั้นครับ

บล็อกลม
 

5. แรงหมุน (รอบ/นาที)

เลือกใช้ บล็อกลม ที่มีแรงหมุนสูงๆ จะช่วยให้งานของคุณเป็นเรื่องง่าย เพราะยิ่งมีแรงหมุนมากเท่าไหร่ ยิ่งใช้ความพยายามในการออกแรง หรือระยะเวลาการทำงานน้อยลง งานของคุณก็จะเสร็จเร็วขึ้นด้วยครับ

บล็อกลม
 

6. น้ำหนัก

บล็อกลม ที่ใช้งานทั่วไป แบบคอสั้น น้ำหนักอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แต่หากเป็นการใช้งานหนัก เช่น บล็อกลม ที่ใช้ขนาด 1 นิ้ว จะมีน้ำหนักมาก คุณควรเลือกรุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่สุด จะช่วยให้ทำงานได้ง่ายและลดความเหนื่อยล้าได้มากว่าครับ

นอกเหนือจากที่กล่าวมา หาก บล็อกลม ยี่ห้อใดมีการรับประกันสินค้าด้วยก็จะดีมากครับ เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับประกันเครื่องมือลม ทีนี้คุณก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่า คุณจะเลือก บล็อกลม แบบไหน รุ่นอะไร ยี่ห้ออะไร ที่สำคัญต้องเลือก บล็อกลม ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุดด้วยนะครับ พบกับบทความดีๆกับน้องสมาร์ทได้ใหม่ในครั้งหน้าครับ

บล็อกลม
 

ติดตามเทคนิคดีๆ ได้ที่

Line

LineID: @SmartCost

Facebook

Fanpage: SmartCost

Youtube

Chanal: SmartCost

 

Tags : บล็อกลม, เครื่องมือลม, ก๊อกแก๊กลม, ประแจลม, ไขควงลม, Impact Wrench, เครื่องมือช่าง, ขายบล็อกลม, จำหน่ายบล็อกลม, เครื่องมือลม ราคา, เครื่องมือลมคุณภาพดี, บล็อกลม ราคา