การเคลือบแก้วรถยนต์ หรือ การเคลือบเซรามิกรถยนต์

เชื่อว่า ท่านผู้อ่านที่รักรถคงจะรู้จัก และเคยได้ยิน เกี่ยวกับ เคลือบแก้วรถยนต์ หรือ เคลือบเซรามิกรถยนต์ มาบ้างแล้ว เดี๋ยวเราค่อยหาเวลามานั่งคุยกันนะคะว่า เคลือบแก้ว กับเคลือบเซรามิคนั้นแตกต่างกันอย่างไร ?

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องของการเคลือบแก้วด้วยตัวเองนั้น ต้องทำอย่างไร ? การเคลือบแก้วช่วยปกป้องรถยนต์จากมลภาวะต่างๆ ลดปัญหารอยขนแมว แสงแดด คราบน้ำ หรือฝนกัดชั้นสีผิวรถ รวมถึงคราบสกปรกจากขี้นก ยางไม้ หรือยางมะตอย รวมถึงช่วยรักษาความเงางามให้กับผิวรถของคุณด้วย


คนรักรถหลายท่านสนใจที่จะเคลือบแก้วรถยนต์ด้วยตัวเอง แต่!!! ก็ติดปัญหาว่า

  • เคลือบแก้วด้วยตัวเองจะดีเท่ากับที่ร้านไหม?
  • แล้วจะได้ผลที่ต้องการหรือไม่ ?
  • แล้วจะเกิดความเสียหายกับสีรถยนต์ไหม ?


วันนี้เราจะมาดูกันว่า การเคลือบแก้วรถยนต์ด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้ !! ไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด !!

เพื่อให้คุณได้ผลงานการเคลือบแก้ว แบบเซรามิก ที่สมบูรณ์และสวยที่สุด เราขอแบ่งรถยนต์ที่จะทำการเคลือบแก้วออกเป็น 2 กรณี ดังนี้ค่ะ

กรณีที่ 1.

ถ้ารถของคุณเป็น รถใหม่ป้ายแดง หรือเป็นรถที่คุณดูแลรักษาสีรถเป็นอย่างดี หากสภาพผิวรถมีความสมบูรณ์ ไม่มี รอยขนแมว หรือรอยขีดข่วน ต่างๆ พร้อมอย่างมากที่จะทำการเคลือบแก้ว คุณสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบแก้วได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วค่ะ

กรณีที่ 2.

ถ้ารถของคุณเป็น รถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แน่นอนว่า รถของคุณจะต้องมีรอยขนแมว รอยขีดข่วนต่าง ๆ ซึ่งรอยจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลงานที่สวยและสมบูรณ์ที่สุด เราขอแนะนำให้คุณขัดสีปรับสถาพผิวรถยนต์เสียก่อนทำการเคลือบแก้ว



เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบแก้วด้วยตัวเอง

คำแนะนำ ควรจะเลือกวันที่ต้องการเคลือบแก้ว เป็นวันที่อากาศปลอดโปร่ง หลีกเลี่ยงการลงน้ำยากลางแดดจัด และมีฝุ่นละออง ที่สำคัญควรจะเลือกทำในที่ร่ม หรือมีหลังคา


ขั้นที่ 1.

ล้างทำความสะอาดรถยนต์ตามขั้นตอนปกติ แล้วเช็ดให้แห้ง


ขั้นที่ 2.

กำจัดคราบแว็กซ์ด้วยน้ำยาเช็ดกระจก หรือ Alcohol 15% แล้วเช็ดให้แห้ง


ขั้นที่ 3.

แบ่งพื้นที่การเคลือบประมาณ 2x2 ไม้บรรทัดที่สำคัญควรเคลือบทีละส่วน เช่น กระโปรง ประตู หลังคา เป็นต้น


ขั้นที่ 4.

จากนั้นเขย่าขวด แล้วหยด น้ำยาเคลือบแก้ว 7-8 หยดลงบนฟองน้ำ ให้ฟองน้ำชุ่มน้ำยาพอประมาณ


ขั้นที่ 5.

ทาบนพื้นผิวในลักษณะตามแนวตั้งและแนวนอนสลับกันเป็นตาราง

คำแนะนำ ไม่ควรลง น้ำยาเคลือบแก้ว ขณะที่ผิวรถยนต์มีความร้อนสูง ควรรอให้ผิวรถเย็นลงก่อน


ขั้นที่ 6.

รอให้ น้ำยาเคลือบแก้ว ยึดเกาะพื้นผิวประมาณ 1-5 นาที ซึ่งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้น ให้สังเกตว่าน้ำยาเป็น รุ้ง แล้วสามารถใช้เช็ดผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดเบาๆ ในทิศทางเดียวกัน และเช็ดซ้ำอีกครั้ง

คำแนะนำ ไม่ควรรอให้ น้ำยาเคลือบแก้ว แห้ง เพราะจะทำให้น้ำยาเหนียวและเช็ดออกยากค่ะ


ขั้นที่ 7.

ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดซ้ำอีกครั้งให้เรียบเนียนเสมอกันเป็นอันเสร็จ และที่สำคัญไม่ควรนำผ้าที่ผ่านการเช็ด น้ำยาเคลือบแก้ว มาใช้ซ้ำ เพราะ น้ำยาเคลือบแก้ว จะแห้งติดผ้า หากนำมาเช็ดจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนผิวรถของคุณได้


แนะนำ

หลังจากที่คุณ เคลือบแก้ว เสร็จ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้รถสัมผัสน้ำประมาณ 24 ชั่วโมง หากระหว่างนี้รถสัมผัสกับน้ำ คุณควรรีบเช็ดเบา ๆ ให้แห้งทันที หากคุณทำตามขั้นตอนและคำแนะนำที่ถูกต้อง เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รถยนต์ เคลือบแก้ว ที่สวยงาม พร้อมการปกป้องสีรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วค่ะ จะเห็นว่า การ เคลือบแก้ว รถยนต์ด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงคุณทำความเข้าใจ และทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเท่านั้นเองค่ะ


ติดตามเทคนิคดีๆ ได้ที่

Youtube

Chanal: SmartCost